วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550

หวั่นซับไพร์มดึง ศก.ล้มโดมิโน นักวิชาการเตือน สติรัฐขณะ ธปท.ยังหูทวนลม [18 ส.ค. 50 - 04:13]

ตลาดเงินและตลาดหุ้นเอเชียยังคงร่วงระนาวจากผลพวงความกังวลของนักลงทุน ต่อภาวะฟองสบู่แตกของตลาดสินเชื่อซับไพร์มในสหรัฐฯ และการเทขายหุ้นของกองทุนเก็งกำไร (Hedge Fund) ที่ต้องการนำเงินกลับไปแก้ปัญหาการไถ่ถอนหน่วยลงทุนของบรรดาลูกค้าผู้ซื้อ หน่วยลงทุนทั่วโลก

หุ้นยังรูดสวนตลาดเงิน

ทั้งนี้ เงินเปโซของฟิลิปปินส์ได้ปรับตัวอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ที่ 46.90 เปโซต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ค่าเงินริงกิตของมาเลเซียแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ที่ระดับ 3.52 ริงกิต ในขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงแตะระดับ 34.59-34.69 บาทแล้วในวันเดียวกัน

แม้ธนาคารกลางชั้นนำของโลกให้การรับรองว่าจะไม่ทำให้ภาวะฟองสบู่ แตก เป็นชนวนให้เกิดวิกฤติการเงินด้วยการอัดฉีดเงินกว่า 300,000 ล้านเหรียญ หรือกว่า 9.7 ล้านล้านบาท เข้าสู่ตลาดเงินตั้งแต่สัปดาห์ก่อนจนถึงสัปดาห์นี้แล้ว แต่ความวิตกถึงผลกระทบจากตลาดสินเชื่อซับไพร์มในสหรัฐฯยังคงไม่ หมดไป และยังคงส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียดิ่งลงทำลายสถิติรายวัน กระทั่งต่ำสุดนับแต่เกิดวินาศกรรมเมื่อเดือน ก.ย.2001 แล้ว

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นฮั่งเส็งของฮ่องกงได้กลายเป็นตัวนำการดิ่งลงของหุ้นเอเชีย โดยปิดตลาดที่ระดับ 20,387.13 จุด ติดลบไป 285.26 จุด หรือ 1.38% โดยระหว่างทำการดัชนีฮั่งเส็งดิ่งลงไปต่ำสุดถึง 1,132.87 จุด หรือ 5.48% รองลงมาเป็นตลาดหุ้นนิเคอิ ปิดตลาดที่ 15,273. 68 จุด ลดลง 874.81 จุด หรือ 5.42% ขณะที่ดัชนีคัมโพสิตเกาหลีใต้ร่วงลง 53.91 จุด หรือ 3.19% ปิดที่ระดับ 1,638.07 จุด และเพียงสัปดาห์เดียวดิ่งลงถึง 10.41%

ส่วนดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้ายังคงปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังจากที่ผู้บริหารของมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกมาเตือนว่า หากนักลงทุนและเฮดจ์ฟันด์ยังไม่ขานรับการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาล โดยยังคงเทขายหุ้นและถอนการลงทุนออกจากตลาดทั่วโลก ก็อาจจะทำให้เฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ไม่สามารถประคองสถานะของตนได้ ต้องเข้าสู่ภาวะล้มละลายสูงถึง 50% ภายในระยะเวลา 3-6 เดือนข้างหน้า และอาจส่งผลให้ตลาดต้องตกอยู่ในภาวะผันผวนรุนแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นใน อดีตกับกองทุน Longterm Capital Management ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าไปอุด

สำหรับตลาดหุ้นไทยซึ่งผันผวนตลอดวันจากความวิตกกังวลเดียวกัน กระทั่งร่วงลงต่ำสุด 12 จุด สามารถกลับมาปิดบวก 7.73 จุด ได้ที่ระดับ 758.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23,553.82 ล้านบาท

ทั้งนี้ การที่ต่างชาติเทขายหุ้นออกมาส่งผลกระทบต่อประเทศไทยแน่นอน เพราะมีนักลงทุนต่างชาติอยู่ 30-40% แม้ว่าการเทขายหุ้นของต่างชาติออกมาจะช่วยทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ก็จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำตามไปด้วย ส่งผลให้การบริโภคในประเทศลดลงอีกรอบหนึ่ง จากที่ลดลงอยู่แล้วในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการนำเข้าลดลงตามมาด้วยจึงเป็นเหมือนโดมิโน ดังนั้น ภายใน 1 เดือนจากนี้ไป ต้องจับตาดูธนาคารกลางสหรัฐฯว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่ เพราะเชื่อว่าปัญหาซับไพร์มคงจะยังไม่จบง่ายๆ.



From ไทยรัฐ : full story

1 ความคิดเห็น:

ภาพถ่ายดาวเทียม